จัดหา 8.5 ล้านชุด แจกฟรีประชาชน จ่อซื้อเพิ่มหลัง ก.ย.หากจำเป็น ด้าน “องค์การเภสัชกรรม” เปิดยื่นซองเสนอราคา 10 ส.ค. นี้ พร้อมประกาศบริษัทผู้ชนะ
จากกรณีคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติให้สปสช.จัดหาชุดตรวจโควิด Antigen test kit (ATK) จำนวน 8.5 ล้านชุด แจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ด้วยเอง ในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้
“นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี” เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ในปีงบประมาณหน้าจะยังมีความรุนแรงฉะนั้นชุดตรวจโควิด ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด จึงเป็นประเด็นสำคัญ แต่โจทย์คือจะทำอย่างไรให้ชุดตรวจเหล่านั้นกระจายถึงมือประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วและกว้างขวางที่สุด เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการของประชาชน โดยเฉพาะชุมชนแออัด โดยคาดว่าวันที่ 20 ส.ค.นี้จะเริ่มกระจายชุดตรวจฯฟรีแก่ประชาชนได้
โดยมองว่า “ร้านขายยา” น่าจะเป็นหน่วยกระจายชุดตรวจโควิด ATK เนื่องจากร้านขายยาทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน (ขย.1) นั้นมีจำนวนมาก และน่าจะมีบุคลากรที่คอยแนะนำการตรวจให้กับประชาชนได้ ในกรณีตรวจแล้วพบว่าติดเชื้อหรือผลเป็นบวกก็จะขอความร่วมมือให้ร้านขายยาเป็นกลไกในการให้คำแนะนำในการดูแล หรือส่งต่อเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยวิธี Home isolation (HI) ขณะที่ชุมชนแออัดอาจให้ผู้นำชุมชน และ เครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยกระจายการตรวจไปอย่างทั่วถึง หลังสิ้นสุดเดือน ก.ย.นี้ จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หากมีความจำเป็นจะต้องซื้อเพิ่ม สปสช. ก็จะดำเนินการ
ด้าน “นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดหาชุดตรวจโควิด-19 ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ตามโครงการพิเศษของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับใช้ตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อค้นหาผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความคืบหน้าล่าสุด (9 ส.ค.2564) องค์การฯดำเนินการจัดหา โดยเชิญบริษัทที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มายื่นซองเสนอราคา ในวันที่ 10 ส.ค. นี้ ซึ่งองค์การฯจะตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติต่างๆ และประกาศบริษัทผู้ชนะการเสนอราคา พร้อมส่งให้โรงพยาบาลราชวิถีรับทราบราคา ซึ่งจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าภายในสิงหาคมนี้จะส่งมอบ ATK และกระจายให้กับหน่วยงานต่างๆ ตามที่สปสช.กำหนดต่อไป
จัดหายาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มเติมจ่ายผู้ป่วยตกค้าง
จำนวนผู้ที่ยังตกค้างไม่เข้าสู่ระบบอีกเป็นจำนวนมาก “นพ.จเด็จ” ยอมรับว่าแม้จะมีการจับคู่คลินิกอบอุ่น เพื่อดูแลผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน (home Isolation) แต่บางส่วนยังไม่ได้รับผู้ป่วยเข้าไปรักษา จึงตกค้างอยู่ 10,000 กว่าคน ในจำนวนนี้มี 3,000 คนตกค้างมานานกว่า 5 วัน สปสช. จึงปรับคอลเซ็นเตอร์ สายด่วน1330 ที่คอยรับสายหาเตียงบางส่วน มาโทรกลับไปถามประชาชนที่ตกค้าง อยู่นานเกิน 5 วันเพื่อประเมินอาการ พบว่าในจำนวน 3,000 คน 2,500 คน เข้าระบบอื่นไปแล้วอีก 500 คนยังไม่ได้เข้าระบบและจำเป็นต้องรับยาฟาวิพิราเวียทันทีเนื่องจากตกค้างอยู่นาน จึงเริ่มส่งยาไปให้ผู้ป่วยเหล่านั้นโดยไม่ต้องรอการจับคู่คลินิก
ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. ยังมีมติมอบให้ สปสช. จัดหายาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์เพิ่มเติม ซึ่งถ้าตามข่าวในขณะนี้จะพบว่าผู้ป่วยโควิดจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงยา ด้วยเหตุที่ว่าหน่วยบริการที่ช่วยดำเนินการอาจจะยังน้อยเกินไป หรือระบบการกระจายยายังไม่มีประสิทธิภาพ
“นพ.จเด็จ” กล่าวอีกว่า ถ้าร้านขายยาทั่วประเทศร่วมมือกันก็อาจจะขยายไปสู่การให้ยาผู้ป่วยในบางส่วนได้ หรือถ้าไกลกว่านั้นก็อาจจะขอให้ร้านขายยามาช่วยทำ Home isolation ในบทบาทที่ร้านขายยาสามารถทำได้ แต่ทั้งหมดนี้ขอเริ่มที่ชุดตรวจ ATK ก่อน