‘จตุพร’ ย้ำ ถ้าไม่ทำอะไร พล.อ. ประยุทธ์ อยู่อีกนาน ‘สาทิตย์’ ปฏิเสธเคลื่อนไหวสมคบคิด ย้ำ เพราะ กม.นิรโทษกรรม ‘รศ.สุขุม’ ท้า นายกฯ ยุบสภาฯ พิสูจน์ความนิยม
ในวาระครบรอบ 7 ปี รัฐประหาร The Active สรุปความเห็นจากวงคุย Active Talk เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 หัวข้อ “7 ปี รัฐประหาร ประเทศไทย ยังไงต่อ?” ชวนอดีตตัวแทนมวลชนที่อยู่ในนาทียึดอำนาจของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” หรือ คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 และนักวิชาการอาวุโสด้านรัฐศาสตร์ มาพูดคุยถกบทเรียน 7 ที่ผ่านมา กับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากจุดเริ่มต้น คสช. ถึงรัฐบาลผสมที่มากสุดในประวัติศาสตร์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ถูกมองว่าเป็นต้อตอปัญหา และบรรยากาศการเมืองบนท้องถนนที่ยังร้อนระอุ และมองอนาคตการเมืองบนเส้นทางประชาธิปไตยแบบไทย ๆ กำลังจะเดินไปทางไหน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/7-1024x591.png)
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า การพูดเรื่อง 7 ปีรัฐประหารในวันนี้ มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย และสิ่งแวดล้อมทางการเมืองก็เปลี่ยนไปด้วย ที่อยากจะกล่าวคือ รัฐประหารเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีเงื่อนไขเฉพาะที่ทำให้เกิดขึ้น ความจริงชุดหนึ่งที่พูดกันว่า มีการเตรียมการมาก่อนก็มีข้อมูลอยู่ แต่ก็ยังเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนในช่วงปี 2556-2557 ถ้าไม่มีการดันกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่มีการควบคุมรัฐสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็เชื่อว่าการชุมนุมไม่เกิด หรือเกิดยากมาก
การชุมนุมของประชาชนเมื่อ 7 ปีก่อน มาจากความต้องการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย เป็นการสู้กับรัฐบาล ซึ่งคนที่ออกมาชุมนุมตอนนั้นก็เห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นไม่ถูกต้อง แต่เมื่อการชุมนุมมีคนเจ็บและตาย มีความรุนแรงเกิดขึ้น ในที่สุดจึงมีการประกาศกฎอัยการศึก และนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด
“ที่พูดเรื่องนี้ เพราะมีคนพยายามสร้างชุดความจริงขึ้นมา เพื่อกลบประเด็นการชุมนุมของประชาชนว่าเป็นการสมคบคิดกับพลเอกประยุทธ์ในการทำรัฐประหาร แต่คิดว่าคนที่ออกมาชุมนุม ไม่ได้คิดอย่างนั้น เขามีชุดความคิดความเชื่อของเขา”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/6-1024x550.png)
สาทิตย์ กล่าวอีกว่า หลังรัฐประหาร ช่วงแรกดูเหมือน พล.อ. ประยุทธ์ มีความตั้งใจ ทั้งเรื่องปรองดองและปฏิรูปการเมือง แต่เมื่อ คสช. อยู่ไประยะหนึ่ง ก็ดูเหมือนจะเริ่มห่างไกลจากเป้าหมายหรือความตั้งใจเดิม และยิ่งเข้าสู่วงจรอำนาจทางการเมือง มีการเลือกตั้งมีพรรคพลังประชารัฐ ก็ยิ่งทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ห่างไกลจากเป้าหมายเมื่อ 7 ปีก่อน ขณะที่ปัจจุบันสภาพการเมืองก็เปลี่ยนไป มีคนรุ่นใหม่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง คำถามคือ ถ้า พล.อ. ประยุทธ์ยังอยู่ในอำนาจต่อไป แนวคิดที่เคยมาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว จะยังใช้กับสถานการณ์ตอนนี้ได้หรือไม่
ด้าน รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง มองแนวโน้มว่า ประชาชนจะยอมทนจนถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป และถึงตอนนั้นนักการเมืองก็จะถูกคาดคั้นในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้แม้จะมีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เมื่อนักการเมืองยังไปจับมือกับ 250 ส.ว. ก็ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้
“ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ ไม่มีทางออกในแบบที่เราอยากได้ แต่ถ้านายกฯ อยากจะพิสูจน์ตัวเอง ก็ยุบสภาเลย แล้วดูว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายกฯ ยังได้รับเลือกหรือเปล่า”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/8-1024x543.png)
รศ.สุขุม ยังเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งเกิดได้ยาก เพราะอย่างไรก็ต้องแก้ไปตามทิศทางที่เขาต้องการ ดังนั้น การยุบสภาก็จะเป็นการพิสูจน์ว่า คนส่วนใหญ่ต้องการนายกฯ หรือไม่
ด้าน จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และแกนนำกลุ่ม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ระบุว่า สิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ เคยพูดเอาไว้ ไม่มีข้อใดที่เกิดขึ้นจริง แต่ที่ทำสำเร็จ คือ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นร่วมปัญหาจากการทำรัฐประหารร่วมกัน จากที่เคยขัดแย้งกัน และมองว่า พล.อ. ประยุทธ์ไม่ต่างกับผู้นำรัฐบาลทหารในอดีต ที่เมื่อยึดอำนาจแล้ว ก็ต้องการสืบทอดอำนาจ ผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนเอง นักการเมืองที่อยู่ภายใต้กำกับ รวมถึงองค์กรอิสระที่แต่งตั้งเอง
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา 7 ปี จึงไม่มีรูปธรรมสักเรื่อง แต่ได้พูดทุกวัน เรื่องปฏิรูปการเมือง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เกิดขึ้น และถ้าไม่ทำอะไร พลเอกประยุทธ์จะอยู่ต่อไปอีกนาน”
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/05/4-1024x556.png)
จตุพร ยังตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า เรายังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศด้วยความล้มเหลวหรือไม่ ถึงตอนนี้พิสูจน์แล้วว่า พล.อ. ประยุทธ์ แก้ไขปัญหาไม่ได้แล้ว ก็ควรที่จะถอยออกไป และให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน