นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันแรกของไทย ที่สถาบันบำราศนราดูร ฉีดบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า อสม. และคณะรัฐมนตรี ติดตามอาการภายหลังการฉีดวัคซีน 1, 7, 30 วัน แจ้งเตือนรับวัคซีนเข็มที่ 2 และรับใบยืนยันการฉีดวัคซีนเมื่อฉีดครบ
28 ก.พ. 2564 – ที่ สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการจัดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่กลุ่มเป้าหมาย คือ คณะรัฐมนตรี นำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/02/1614490751419-1024x683.jpeg)
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/02/KUMA0500-1024x683.jpg)
ส่วนผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นำโดย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าของสถาบันบำราศนราดูร และตัวแทน อสม. จำนวนรวม 200 คน
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกของไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้หญิงคนแรกของไทย ได้รับเกียรติ รับการฉีดวัคซีนจาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ที่พยายามแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 จนทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นอันดับต้นของโลก
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2021/02/1614490712411-1024x683.jpeg)
ด้าน อนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ของประเทศไทย เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายอายุตั้งแต่ 18-59 ปี เช่น บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลหรือต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน โรคอ้วน ซึ่งสถาบันบำราศนราดูร เป็นต้นแบบในการวางระบบการจัดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลอื่น ๆ โดยมี 8 ขั้นตอน ใช้เวลาฉีดและเฝ้าระวังสังเกตอาการประมาณ 37 นาที รวมถึงมีระบบในการแจ้งเตือนในการมารับวัคซีนเข็มที่สอง ฉีดห่างกัน 21 วัน
“ครั้งนี้ถือว่าเป็นการซ้อมระบบ ให้พร้อมฉีดให้ประชาชนเมื่อวัคซีนล็อตใหญ่มาถึง ซึ่งจะฉีดทั่วประเทศเดือนแรก 5 ล้านโดส และ 10 ล้านโดสในเดือนต่อ ๆ ไป จนครบ 63 ล้านโดส ภายในปี 2564 และจะพยายามหาวัคซีนโควิดจากแหล่งอื่น ๆ มาเพิ่มสำรองไว้ และฉีดให้คนในประเทศให้ครอบคลุมมากที่สุด”
เขากล่าวต่ออีกว่า สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการด้านการแพทย์ให้ความเห็นว่า อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่สมควรได้รับวัคซีนเนื่องจากมีอายุมากกว่า 60 ปี มีความเสี่ยงจากการพบปะประชาชนจำนวนมาก โดยวัคซีนที่เหมาะสม คือ วัคซีนจากแอสตราเซเนกา ที่สามารถฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้ และผ่านการทดสอบในกลุ่มผู้สูงอายุจำนวนมากแล้ว อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนจะต้องอยู่ภายใต้ดุลพินิจของแพทย์ในการสั่งฉีดและความสมัครใจของท่านนายกรัฐมนตรี ขณะนี้วัคซีนจากแอสตราเซเนกาอยู่ระหว่างการดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการ คาดว่าจะนำมาฉีดได้กลางเดือนมีนาคมนี้
ด้าน สาธิต ปิตุเตชะ รมช.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป จะเริ่มฉีดวัคซีนใน 13 จังหวัดแรก ขอให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้ลงทะเบียนไว้มารับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความรุนแรงของโรค และเมื่อฉีดได้ครอบคลุมจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โรคโควิด-19 จะหายไป เศรษฐกิจของประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับความมั่นใจวัคซีน ยืนยันว่ามีความปลอดภัยสูง ขอให้อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ส่งต่อทางสื่อโซเชียลมีเดีย ให้ติดตามข้อมูลงานวิจัยจากหน่วยงานวิชาการที่เชื่อถือได้เป็นหลัก ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในระยะแรกนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในเกณฑ์ที่จังหวัดและโรงพยาบาลติดตามให้มารับการฉีด ยังไม่ได้เปิดให้จองลงทะเบียน และไม่สามารถ walk-in มารับบริการได้
ด้าน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ตรวจรับวัคซีนโรคโควิด-19 จำนวน 200,000 โดสจากซิโนแวค เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2564 เป็นวัคซีนเชื้อตาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันโรค จากการศึกษาในคนระยะที่ 1, 2 และ 3 ในประเทศบราซิล ตุรกี อินโดนีเซีย และชิลีแล้ว มีการรายงานผลว่า วัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้รับการรับรองและให้ใช้ในประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว มีแผนการกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่เป้าหมาย 13 จังหวัดแรก โดยวานนี้ (27 ก.พ.) ส่งไปแล้วที่ จ.สมุทรสาคร นนทบุรี ชลบุรี ปทุมธานี ส่วนในวันนี้ จัดส่งเพิ่มอีก 7 จังหวัดที่เหลือ และในวันที่ 1 มี.ค. จะจัดส่งที่ จ.ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี (อ.เกาะสมุย)
“วัคซีนของซิโนแวคยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง อาการที่อาจพบได้ อาทิ เจ็บบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน ส่วนอาการแพ้ที่สังเกตได้ คือ ผื่นแดง คันตามร่างกาย หายใจไม่สะดวก คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด แน่นหน้าอก เป็นต้น โดยวัคซีนทั่วไปมักพบอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสังเกตอาการประมาณ 15 นาที หากพบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์จะมีแพทย์ดูแล ปฐมพยาบาล รวมถึงส่งต่อรักษาอาการดังกล่าวตลอดช่วงเวลาที่ให้บริการฉีดตามมาตรฐานสากล และมี Line Official “หมอพร้อม” ติดตามอาการภายหลังการฉีดวัคซีน 1, 7, 30 วัน แจ้งเตือนรับวัคซีนเข็มที่ 2 และรับใบยืนยันการฉีดวัคซีนเมื่อฉีดครบ”