“สู้ด้วยความสงบ สันติ” สิ่งที่แกนนำฝากไว้ ก่อนถูกจับกุม

การต่อสู้ด้วย ความสงบ สันติ อหิงสา เป็นสิ่งที่ “อานนท์ นำภา” ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวไว้ในฐานะแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร 2563”

เขาประกาศสิ่งนี้ เพื่อยืนยันต่อผู้ชุมนุมมาตลอด แม้กระทั่งในการปราศรัยครั้งสุดท้ายที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมในช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 ต.ค. 2563

ในวันนั้น อานนท์ กล่าวย้ำต่อผู้ชุมนุมว่า ให้ต่อสู้ด้วยความสงบ สันติ และอหิงสา หากเจ้าหน้าที่จะเข้ามาสลาย ให้นั่งนิ่ง ๆ กุมแขนกันให้มั่น ไม่หลงกลไปกับความรุนแรงที่พวกเขาพยายามจะสร้างให้เกิดขึ้น เป็นสัญญาใจร่วมกัน

“การต่อสู้ต้องสู้ด้วยความสนุกสนาน ครึกครื้น เขาจะมาสลายชุมนุม เราก็ยิ้มให้เขา เราจะสู้ด้วยความสงบสันติ ตอนแรกผมไม่เชื่อเรื่องนี้ ผมเชื่อเรื่องตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่การทำอย่างนั้น ผมมีเหตุการณ์เรียนรู้ว่ามันเกิดความสูญเสีย แล้วมันเอาคืนไม่ได้ แต่ถ้าเราต่อสู้ด้วยความเบิกบาน ให้เขามาทำ เราเบิกบาน เรายิ้มให้เขา เราชนะแน่นอน ชนะใจตัวเอง และชนะใจของพวกเขาด้วย”

เขายังกล่าวอีกว่า หากเกิดการสลายการชุมนุมขึ้น ก็จะสู้ด้วยวิธีนั้น อย่าคิดว่าเขาเป็นบ้า ถ้าตำรวจมาจับแล้วจะยิ้มให้เขา นั่นเป็นยุทธวิธีการต่อสู้

“เข้าใจตรงกันนะครับ ถ้าเขาเข้ามาจับแล้วผมยังร้องเพลงต้อนรับเขาอยู่ อย่าคิดว่าผมเป็นบ้า นั่นคือยุทธวิธีการต่อสู้”

หลังการถูกจับกุม จนถึงวันนี้ (18 ต.ค.) นับเป็นวันที่ 4 แล้ว และมีการนัดหมายชุมนุมในช่วงเย็นของทุกวัน การจัดกิจกรรมชุมนุมในรูปแบบของ แฟลชม็อบ นัดหมายเวลาแน่นอน แจ้งเวลาเลิกการชุมนุมที่แน่นอน เสียงประกาศของผู้ปราศรัยหลัก ยังคงเน้นแนวทางนี้

“หากเจ้าหน้าที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม เราจะยุติการชุมนุมทันทีและขอให้ทุกคนกลับบ้าน เราไม่ได้ถอย แต่ไม่ต้องการให้เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสีย… แม้แต่คนเดียว”

เสียงประกาศบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ในการชุมนุมเย็นวันที่ 17 ต.ค. 2563

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active