TDRI เปิดทางเลือกภาคเกษตร แปรรูปอาหาร พาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ จี้ รัฐเร่งออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบ รองรับแรงงานออกจากงานประจำ
ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ในจำนวนผู้มีงานทำปี 2563 ไตรมาส 2 จำนวน 37.7 ล้านคน เป็นผู้ทำงานประจำ 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 47.9%
หลังจากเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 ผ่านมา 6 เดือนพบว่ามีผู้ว่างงานในไตรมาส 2 ของปี 63 เพิ่มขึ้น 7.4 แสนคนคิด เป็นอัตราว่างงาน 2% ปัญหาการว่างงานจะรุนแรงหรือไม่ ในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายความมั่นคงทางสุขภาพ ซึ่งดูแลโดย ศบค. ชั่งน้ำหนักนโยบายทางเศรษฐกิจ ถ้ายังให้น้ำหนักกับความมั่นคงทางสุขภาพอันเนื่องมาจากการระบาดมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและลามต่อไปยังตลาดแรงงานให้สามารถฟื้นตัวได้ช้าลง
ข้อควรห่วงใย คือ ผู้ที่มีงานประจำแต่ไม่ได้ทำงาน ซึ่งถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงตกงานมากที่สุดมีจำนวนถึง 2.52 ล้านคน และเมื่อรวมกับผู้ว่างงานจริงในไตรมาส 2 อีก 7.4 แสนคน คนรวมเป็น 3.26 ล้านคน เป็นผู้อยู่ในข่ายว่างงานจำนวนสูงสุดที่เป็นไปได้ คิดเป็น 8.5 % ของกำลังแรงงานซึ่งตัวเลขวิกฤตว่างงานนี้ สูงกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540
ผู้มีงานประจำแต่ไม่ได้ทำงานคือใคร?
เพิก ปะติตังโค พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่หายไปจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้นายจ้างลดจำนวนวันทำงานลง พร้อมกับการหักเงินเดือนออกไปอีก 50% อย่างไรก็ตามหลังรัฐบาลปลดล็อกกิจการ ก็ยังไม่ดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวไทยยังไม่มากพอ ที่จะทำให้โรงแรมหายจากการขาดสภาพคล่อง
“พนักงานประจำที่ยังอยู่โดนนายจ้างบีบออก ด้วยการลดเงินเดือน ซึ่งก็มีความหวังว่าจะให้นายจ้างเลิกจ้างอย่างถูกกฎหมาย เพื่อจะได้นำเงินก้อนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับบ้านทำไร่ไถนา แต่นายจ้างก็ไม่ยอมเลิกจ้าง ปัจจุบันจึงต้องเปลี่ยนต้องทำอาชีพเสริมด้วยการขับ Grab Bike แทน”
ขณะที่ ธนายุทธ บัวลอย พนักงานเสิร์ฟโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ได้รับผลกระทบเดียวกัน คือ นายจ้างไม่ยอมจ้างออก แต่ลดเงินเดือน 50% ซึ่งเงินไม่พอใช้ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งผ่อนบ้านผ่อนรถจำนวนมาก
“ปัจจุบันหันมาขับ Grab Bike ซึ่งก็ต้องทำงานทั้งวัน ทั้งคืน ต้องวิ่งได้กว่า 20 เที่ยว ถึงได้วันละ 700 บาท อดหลับอดนอน การรับส่งอาหารแบบนี้ก็ไม่มีสวัสดิการคุ้มครองอะไร หากจะให้กลับไปบ้านเพื่อทำเกษตรก็ไม่มีที่ทาง ไม่มีทักษะความรู้ จึงคิดว่าทนอยู่ไปในเมืองรอให้สถานการณ์ดีขึ้น น่าจะมีโอกาสได้งานทำ แม้จะเป็นงานรับจ้างเป็นครั้ง ๆ ก็ยังดีกว่า”
แรงงานภาคบริการเสี่ยงตกงานสุด ต้องเปลี่ยนอาชีพ
ดร.ยงยุทธ ระบุว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ภาคบริการที่มีจำนวนแรงงานมากถึง 19 ล้านคน ในไตรมาส 2 พบว่ามีจำนวนแรงงานในภาคบริการลดลง 1.80% หรือ 3.4 แสนคน ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่นๆ
หากดูตามภาพรวมของตลาดแรงงานมหาภาคซึ่งมีการจ้างงาน 37.03 ล้านคน ตลาดแรงงานอยู่ท่ามกลางมรสุมของการระบาดโควิด-19 ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม แลภาคบริการ มีการจ้างงานมากที่สุดได้รับผลกระทบหนักทำให้ให่การจ้างงานที่หายไปเทียบ YoY หรือการเทียบไตรมาสนี้ กับไตรมาสเดียวกัน ของปีที่แล้ว มีจำนวน 648,790 คน ที่จะต้องเปลี่ยนอาชีพ
เมื่อประเมินความเป็นไปได้ หากมีแรงงานหลุดออกมานอกระบบ ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 จะมีทางเลือกหลัก 2 ทาง คือ 1. กลับไปสู่การภาคการเกษตรและการแปรรูปอาหาร และ 2. คือเป็น Freelance รับจ้างพาร์ทไทม์
“ตัวอย่างของการบินไทยเห็นได้ชัด เป็นธุรกิจภาคบริการที่จะรับผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ที่ไม่สามารถขึ้นบินได้ ทุกวันนี้บริษัทในยุคแผนฟื้นฟู ต้องปรับตัวด้วยการขายตั้งแต่ ปาท่องโก๋ สังขยา เปิดภัตตาคารอาหาร ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวจากสายบริการมาเป็นการแปรรูปอาหารเพื่อความอยู่รอด”
ดร.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการจ้างงานในอนาคต จะไม่มีแบบพนักงานประจำ แต่จะเป็นลักษณะการจ้างงานเป็นครั้ง เช่น ฟรีแลนซ์ หรือจ้างงานเป็นกะ หรือ พาร์ทไทม์ ซึ่งนับเป็นแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมดูแลอย่างจริงจัง
“ขอให้ทางกระทรวงแรงงานโดยคณะกรรมการค่าจ้าง ได้ออกประกาศอัตราค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงทำนองเดียวกันกับ นิสิต นักเรียน นักศึกษา เช่น วันละไม่ต่ำกว่า 55 บาทต่อชั่วโมง ค่าจ้างเมื่อคิดเป็นวันจะต้องไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน ลักษณะงานที่ทำได้ เช่น ต้องไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ เป็นต้น การดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ถ้า พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานดูแลไม่ถึง เป็นต้น”
ในส่วนภาคการเกษตร ที่จะมีคนว่างงานเปลี่ยนอาชีพไปทำมากขึ้น รัฐบาลควรต้องให้ความรู้และส่งเสริมด้านการตลาด ผลักดันราคาสินค้าเกษตร ส่งเสริมการแปรรูปอาหาร การส่งออก ให้เพิ่มมากขึ้น
“จริง ๆ แล้ว วิกฤตว่างงานจะต้องเกิดขึ้น แต่จะไม่รวดเร็ว และรุนแรงอย่างเช่นทุกวันนี้ หากไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 เพราะความต้องการแรงงานลดลงจากเทคโนโลยีดิสรัปชัน การระบาดของโควิด-19 ทำให้วิกฤตคูณ 2 ขึ้นไปอีก จากที่จะต้องมีคนตกงานอยู่แล้ว ก็ต้องตกงานเร็วขึ้นจำนวนมากขึ้น”