Q&A | ไขข้อสงสัย จบใน 8 คำถาม เกี่ยวกับ “หน้ากาก” ในประเทศไทย

หน้ากากไม่มีคุณภาพ ไม่มีที่มาที่ไป จำหน่ายเกินราคา เพราะไม่ใช่หน้ากากทางการแพทย์…

ควบคุมราคาไม่ได้ หากไม่ได้เข้าเกณฑ์หน้ากากทางการแพทย์!!!

ประชาชนจะรู้ได้อย่างไร แล้วหน้ากากมีคุณภาพหาซื้อได้ที่ไหน สังเกตอย่างไร?

หลายคำถามและข้อสงสัย เหล่านี้ The Active รวบรวมอยู่ 8 คำถาม ให้รายละเอียดเกี่ยวกับหน้ากากชนิดต่าง ๆ ที่นิยมใช้ และจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด

หน้ากาก

รศ.พานิช อินต๊ะ หัวหน้าหน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์สำหรับงานวิศวกรรม วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ ผู้เคยทดสอบหน้ากากอนามัยในท้องตลาด มีห้องปฏิบัติการทดสอบหน้ากากที่ได้มาตรฐาน รวมถึงเป็นที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการผลิตหน้ากากอนามัยของหน่วยงานภาครัฐ

ความแตกต่าง ระหว่าง หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 และ หน้ากากกันโรค โควิด-19

หน้ากากอนามัยแยกเป็น  3 กลุ่ม

กลุ่มแรก หน้ากากกรองอากาศ (Filtering facepiece respirator) ประเภท N95 มี 2 แบบ คือ N95 ทางการแพทย์ (Medical Grade)  และชนิดไม่ใช่ทางการแพทย์ คือ non-Medical Grade

กลุ่มสอง

หน้ากากอนามัย (Surgical masks) มี 2 แบบ เช่นเดียวกัน คือ แบบทางการแพทย์ (Medical Grade)  และชนิดไม่ใช่ทางการแพทย์ non-Medical Grade   

12234786 – medical shielding bandage against the white background

และ แบบสาม หน้ากากผ้า (Fabric masks) เป็นหน้ากาก ชนิดไม่ใช่ทางการแพทย์  non-Medical Grade

เปรียบเทียบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาดเล็ก ของหน้ากากแต่ละแบบ

ประเภทหน้ากากค่าเฉลี่ยต่ำสุดสูงสุด ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
หน้ากากอนามัย
surgical mask
50.502.5095.9026.34
หน้ากากผ้า
Fabric mask
39.105.9387.5519.64
หน้ากากกรองอากาศ N95/KN95/FFP1/FFP172.218.9299.9726.65
ที่มา : พานิช อินต๊ะ, ประสิทธิภาพการกรองของหน้ากากอนามัย ที่มีใช้ในช่วงโควิด-19 ระบาดในประเทศไทย Science and Technology Journal, อยู่ระหว่างการตีพิมพ์ 2564 

จากตาราง หน้ากากอนามัย surgical mask มีค่าประสิทธิภาพการกรองต่ำสุดใน 3 ชนิดนี้ คือ 2.50 เมื่อเทียบกับหน้ากากผ้าและหน้ากาก N95/KN95/FFP1/FFP1 ที่ 5.93 % และ 8.92 % โดยค่าเฉลี่ยต่ำสุดของหน้ากากทั้ง 3 ชนิดนี้ ถือว่าเป็นค่าที่ยอมรับไม่ได้ตามมาตรฐาน ASTM F2299-03 ซึ่งช่วงเวลาทดสอบก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการขาดแคลนหน้ากากอนามัย แสดงให้เห็นว่าหากคุณภาพหน้ากากไม่ตรงตามมาตรฐาน ก็จะไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจจากละอองฝอย หรือสารคัดหลั่งจากการไอจาม และดักจับละอองของเหลว และละอองลอยแบคทีเรียจากปากและจมูกของผู้สวมใส่ได้

ในทางตรงกันข้ามหากหน้ากากมีคุณภาพ ตามผลการทดสอบหน้ากาก N95/KN95/FFP1/FFP1 มีประสิทธิภาพการกรองสูงสุดถึง 99.97 % รองลงมา คือ หน้ากากอนามัย 95.90 % (surgical mask) หน้ากากผ้า 87.55 % 

สำหรับผลการทดสอบนี้ ได้จากการรวบรวมหน้ากากอนามัยในช่วงที่โควิด-19 มีการระบาดในไทย มีการสุ่มตัวอย่างหน้ากาก ที่มีขายในท้องตลาด 259 ตัวอย่าง ประกอบด้วยหน้ากากอนามัย (surgical mask) 67 ตัวอย่าง หน้ากากผ้าจำนวน 71 ตัวอย่าง และหน้ากาก N95/KN95/FFP1/FFP1 121 ตัวอย่าง ทำการทดสอบด้วยวิธีมาตรฐาน ASTM F2299-03 เพื่อหาประสิทธิภาพการกรองอนุภาคทรงกลมชนิดพอลิสไตรีน ลาเท็กซ์ ที่ความเร็วด้านหน้าประมาณ 10.6 cm/s 

หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 กันโควิด-19 ได้ไหม

ฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นอนุภาค ขณะที่เชื้อแบคทีเรียและไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก โดยเชื้อไวรัสมีขนาดเล็กว่าแบคทีเรีย เทียบเท่าที่ขนาด 0.1 ไมครอน ดังนั้น หากหน้ากากอนามัยที่มีการโฆษณาคุณสมบัติว่าสามารถกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะกันโควิด-19 ได้เสมอไป เราจำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติอื่น ๆ ประกอบ โดยเฉพาะการระบุว่าเป็นหน้ากากชนิดทางการแพทย์  (Medical Grade) หรือไม่

สังเกตอย่างไร ว่าเป็น “หน้ากากอนามัยทางการแพทย์” (Medical Grade) 

หน้ากาก N95 ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย ประเภทหน้ากากใช้ครั้งเดียว จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. 2480-2562 

ถ้าเป็นหน้ากากอนามัย (Surgical masks) จะเป็น มอก. 2424-2562 

ส่วนหน้ากากผ้า ไม่มี เพราะหน้ากากชนิดนี้ยังไม่สามารถรับรองมาตรฐานให้ถึงขั้นหน้ากากทางการแพทย์ได้ แต่มีมาตรฐานอีกระดับหนึ่ง

ประเทศไทย ยังไม่มีผู้ผลิตรายใด ได้รับการรับรองมาตรฐาน ? 

คำตอบ คือ ใช่ เพราะว่าตอนนี้หน้ากากที่ผลิตในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็ตาม ยังไม่มีผู้ประกอบการได้รับการรับรอง เพราะยังอยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองผลิตภัณฑ์ชนิดหน้ากากทางการแพทย์ เนื่องจากราคาการทดสอบแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่าย และแลปทดสอบที่ได้รับมาตรฐานจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. เพิ่งเริ่มต้นช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 แต่มีโรงงานผลิตหน้ากากเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว

การทดสอบ หน้ากากทางการแพทย์ จะต้องได้รับการทดสอบจากห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองจาก สมอ. และจะต้องทดสอบทั้งหมด 5 อย่าง

  1. การกรองแบคทีเรีย  มากกว่าหรือเทียบเท่า 95%
  2. การกรองอนุภาค 0.1 ไมครอน มากกว่าหรือเทียบเท่า 95%
  3. การต้านการหายใจ ดูการสวมใส่สบาย หายใจสะดวก
  4. การลามไฟ
  5. การซึมผ่านของเหลว

หากพูดถึงเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อ ปัจจุบันมีมาตรฐานกำหนดให้ทดสอบเฉพาะแบคทีเรียเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของเชื้อ สำหรับการทดสอบกับไวรัสนั้นยังไม่มีกำหนดในมาตรฐานใด ซึ่งขนาดไวรัสเทียบเท่า 0.1 ไมครอน นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ใช้อนุภาค 0.1 ไมครอน เป็นการทดสอบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคของหน้ากากอนามัย เพื่อให้มั่นใจว่าหน้ากากสามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดเทียบเท่ากับเชื้อไวรัสได้ นอกจากนี้คุณสมบัติพิเศษของหน้าการทางการแพทย์ยังมีสารเคมีที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อบนหน้ากาก ลดการแพร่เชื้อติดเชื้อเมื่อเกิดการสัมผัสกับหน้ากากได้

ราคาหน้ากาก จำหน่ายเท่าไหร่ ใครควบคุม 

หากเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมโดย กรมการค้าภายใน  จำหน่ายราคาปลีกอยู่ที่ราคา 2.50 บาท องค์การเภสัชกรรม ได้จัดหาหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ แบบใช้ครั้งเดียวจากผู้ผลิตในประเทศ ที่ผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน เน้นจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ส่วนที่นำมาจำหน่ายให้กับประชาชน จำหน่ายผ่านร้านยาขององค์การเภสัชกรรม ทั้ง 8 สาขา

ราคาหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายในร้านค้าออนไลน์ ส่วนใหญ่มีราคาสูงและเป็นมาตรฐานของต่างประเทศ ซึ่งก็สามารถสังเกตได้เช่นกัน เช่น ในยุโรปหน้ากากอนามัยต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานยุโรป (European Standard) คือ EN 14683:2019,  ISO 13485  ASTM,F2100,NIOSH 42 CFR 84 ฯลฯ 

หน้ากากผ้า หน้ากากทางเลือก ป้องกันไวรัสได้แค่ไหน ?

หน้ากากผ้ามีไว้สำหรับคนที่ไม่แสดงอาการทางคลินิก ของการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียและผู้ที่ไม่ได้สัมผัสกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อ กรมวิทยาศาสตร์บริการ กำหนดมาตรฐาน และมีการทดสอบผ้าชนิดต่าง ๆ เอาไว้ และแนะนำว่า หน้ากากผ้า ต้องมี 2 ชั้นขึ้นไป ผ้าหรือวัสดุที่ใช้ทำหน้ากากต้องทำจากเส้นใยธรรมชาติ เส้นใยประดิษฐ์ หรือเส้นใยผสม ไม่ครอบคลุมวัสดุหรือหน้ากากที่ผลิตจากเส้นใยไม่ถักทอ (Nonwoven) โดยแบ่งออกเป็น 6 ระดับ คือ ตามประสิทธิภาพการกรองอนุภาคและสมบัติการสะท้อนน้ำ คือ ผ้าชั้นแรกต้องสะท้อนน้ำ เช่น ผ้านาโน ส่วนผ้าชั้นที่ 2 ต้องกรองอนุภาคฝุ่น เช่น ผ้ามัสลิน ฯลฯ

ระดับที่ 1 ป้องกันฝุ่นได้พอใช้ ไม่ป้องกันละอองฝอย

ระดับที่ 1* ป้องกันฝุ่นได้พอใช้ ป้องกันละอองฝอยได้ 

ระดับที่ 2 ป้องกันฝุ่นได้ดี ไม่ป้องกันละอองฝอย

ระดับที่ 2* ป้องกันฝุ่นได้ดี ป้องกันละอองฝอยได้

ระดับที่ 3 ป้องกันฝุ่นได้ดีมาก ไม่ป้องกันละอองฝอย

ระดับที่ 3* ป้องกันฝุ่นได้ดีมากป้องกันละอองฝอยได้ 

และล่าสุด คณะกรรมการมาตรฐานยุโรป (European Committee for Standardization) หรือ CEN  ได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับข้อกำหนดขั้นต่ำวิธีการทดสอบการใช้งานของหน้ากากผ้า CWA17553:2020 โดยแบ่งระดับการกรองอนุภาคขนาด 3 ไมครอน ไว้ 2 ระดับ คือ 70% และ 90% ตามลำดับ ขณะที่ประเทศไทย  กำลังอยู่ระหว่างการร่างประกาศ ซึ่งอิงตามมาตรฐานยุโรปเช่นกัน  

“หน้ากากกรองอากาศ แบบมีวาล์ว” ใส่กันฝุ่นได้ แต่ไม่ควรใส่กันโควิด-19

การใส่หน้ากากแบบมีวาล์ว แพทย์และคนใกล้ชิดผู้ป่วยไม่ควรใส่ เนื่องจากหน้ากากชนิดนี้มีการรั่ว 1-5 % จากการหายใจเข้า และ 20-25 % จากการหายใจออก เนื่องจากปกติแล้วหน้ากากชนิดนี้ใส่เพื่อลดความต้านทานการหายใจออก และเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้สวมใสในการระบายความชื้น และความร้อนภายในหน้ากาก และหน้ากากชนิดนี้จัดอยู่ในประเภทที่ไม่ใช่หน้ากากทางการแพทย์ 

วิธีสังเกต เมื่อเลือกซื้อหน้ากากอนามัย 

ใบรับรอง Certificate หรือใบรับรองจากการทดสอบหน้ากาก ยืนยันว่าได้ผ่านการทดสอบมาแล้วจากห้องปฏิบัติการ 

รายละเอียดในเเอกสาร ต้องระบุชื่อผลิตภัณฑ์ตรงกัน วันเดือนปีที่ออกให้ ต้องเป็นปีปัจจุบันหรือย้อนหลังไม่เกิน 1 ปี ใบทดสอบอนุภาคการกรองฝุ่นและแบคทีเรียต้องเป็นคนละใบ รวมถึงรายละเอียดของการทดสอบ หรืออาจเลือกซื้อจากช่องทางการจำหน่ายที่ไว้ใจได้ หรือขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยตรง เช่น ร้านขายยา ฯลฯ

Author

Alternative Text
AUTHOR

อรวรรณ สุขโข

นักข่าวที่ราบสูง ชอบเดินทางภายใน ตั้งคำถามกับทุกเรื่อง เชื่อในศักยภาพมนุษย์ ขอเพียงมีโอกาส

Alternative Text
GRAPHIC DESIGNER

กษิพัฒน์ ลัดดามณีโรจน์

ผู้รู้ | ผู้ตื่น | ผู้แก้งาน ...กราบบบส์