“Education Journey 50 ปี การศึกษาไทย”
การมองปัญหาและความเจ็บของระบบการศึกษาไทย รวมถึงข้อเสนอแนะเพื่อหาทางออกให้สังคมไทยอยู่รอดได้ และสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางข้อจำกัด และความวิกฤตรอบด้านของสังคม คือโจทย์สำคัญที่ถูกหยิบยกมาสนทนาในงานประชุมวิชาการ “Education Journey 50 ปี การศึกษาไทย” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. และภาคีการศึกษา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช, ศ.นงเยาว์ เนาวรัตน์, รศ.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม และวิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ คือ นักการศึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ที่ร่วมสนทนาประเด็นสำคัญเหล่านี้ ชวนคุยโดยทพ.กฤษดา เรืองอารีรัชต์ ภาคีเพื่อการศึกษาไทย (Thailand Education Partnership : TEP)
The Active สรุปประเด็นสำคัญของวงสนทนา
เปลี่ยนโครงสร้างการศึกษาใหม่ ต้องมาพร้อมความรักแท้
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/08/Active_Quo_Education-ปุ่น-copy-1024x1024.jpg)
รศ.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มองว่า ความเจ็บปวดทางการศึกษา เกี่ยวข้องผลประโยชน์ของหลายภาคส่วนในสังคม และมีความซ้ำซ้อน การแก้เฉพาะระบบการศึกษาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจการเรียนรู้ไปถึงระดับพื้นที่ แต่ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือเวลานี้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการศึกษาไม่ได้มาเจอกัน “Learning Loop” ไม่ครบ ทำให้การศึกษาไปต่อได้ยาก
รศ.ปุ่น จึงฝากแนวคิดสำคัญในฐานะครู ว่าสำคัญที่สุดของการแก้ปัญหา คือ เจตนารมณ์ของความรุ่นเรา ต่อคนรุ่นไปต่อไปอย่างแท้จริง โดยเปรียบเทียบมายาคติเรื่องชาติ ที่ก่อนหน้านี้เราเคยมีมายาคติว่า เรารวมพลังกันถึงรอด แต่วันนี้อาจต้องเปลี่ยน เพราะมนุษย์ต้องศึกษาเรียนรู้เพื่ออยู่รอด แต่คำถามคือ อะไรคือโครงสร้างใหม่ที่ควรเกิดขึ้นบนข้อจำกัด เพราะหลายสัญญาณที่บอกว่า “เราพึ่งพาระบบเดิมไม่ได้แล้ว” เช่น เด็กที่มีทางเลือก แทบไม่มีใครส่งลูกเข้าสู่ระบบการศึกษาภาครัฐอีกแล้ว และเวลานี้สังคมไทยยังแยกการศึกษาทางเลือก ออกจากการเรียนรู้ทุกช่วงวัยอีกด้วย อาจารย์ย้ำว่าการแก้ปัญหาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยน โครงสร้างทางการศึกษาใหม่ และมีเจตจำนงของความรักต่อคนรุ่นหลังอย่างแท้จริง
“เรามองการศึกษา เป็นแค่การศึกษาไม่พอ แต่ต้องมองการศึกษาว่าเป็นเครื่องมือทรงพลัง เพราะมัน คือ “มนุษย์”
วันนี้ชัดเจนว่า ระบบเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ผมท้าทายว่า เราต้องหาระบบใหม่ เพราะโลกข้างหน้ามันโหดร้าย ถ้าเราไม่ช่วยกัน เราจะอยู่ไม่ได้จริง ๆ… ถ้ารักลูกหลานจริง คุณจะไม่อยากเห็นปรากฏการณ์ทางการศึกษาแบบวันนี้”
หน้าที่การศึกษา คือ ความยุติธรรมในสังคม การกระจายความมั่งคั่งในเชิงเศรษฐกิจ และทำให้ทุกคนเท่ากัน
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/08/Active_Quo_Education-นงเยาว์-1024x1024.jpg)
ศ.นงเยาว์ เนาวรัตน์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุ “การศึกษาก็เป็นของแพง” ทำให้สังคมปฏิเสธไม่ได้ว่าความเหลื่อมล้ำของครอบครัวและเศรษฐกิจมีผลต่อชีวิต โอกาส และการพัฒนาของเด็ก ๆ การเรียนรู้ของคนชายขอบจึงเป็นอีกประเด็นที่น่าชวนสนทนาต่อในสังคมเพื่อขยับไปให้ถึงประสบการณ์ ความรู้สึกของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการศึกษา ที่ผ่านมาเด็กเยาวชนแทบจะไม่สนใจวิธีการสอนในห้องเรียน เพราะตอบไม่ได้ว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากการศึกษา
“ผู้สอนไม่กล้าแม้แต่จะตั้งคำถามกับโครงสร้างสิ่งที่เราสอนนักเรียน ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ แล้วทำไมถึงยังสอนแบบเดิม เหตุผลที่เราถอยไม่ได้ เพราะ ความรู้ของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องวัดผลประเมินผล มันจะถูกกระทบกระเทือน เราจึงไม่กล้าสร้างความรู้ชุดใหม่ให้สถานศึกษาใช้ได้จริง” อาจารย์ย้ำว่า คนที่ตกอยู่ในสถานะนี้เป็นเหมือนคนที่ทำงานโดยไม่ได้เอาหัวใจเข้ามา เพราะรู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้วิธีคิดแบบอำนาจนิยม จารีตนิยม และไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเข้าไปต่อสู้กับระบบอำนาจนิยมได้อย่างอาจหาญ จึงไม่ได้มองว่าการศึกษา คือ ความยุติธรรมในสังคม คือ การกระจายความมั่นคงเชิงเศรษฐกิจ และคนทุกคนต้องเท่ากันผ่านระบบการศึกษา
“เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเหลื่อมล้ำของครอบครัวและเศรษฐกิจ มีผลต่อชีวิตและโอกาสการพัฒนาของเด็ก การศึกษาของเด็กชายขอบจึงควรเป็นบทสนทนาในสังคม…
คนอยู่ในระบบอำนาจนิยม จะไม่มองการศึกษาเป็นความยุติธรรมในสังคม การกระจายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และคนทุกคนต้องเท่ากันผ่านระบบการศึกษา”
อำนาจการศึกษา ใครเป็นเจ้าของ ?
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/08/Active_Quo_Education-การศึกษา-1024x1024.jpg)
วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นักวิชาการอิสระ ชวนเปลี่ยนวิธีคิด โดยมองว่า อำนาจการศึกษาอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่อำนาจรัฐ ไม่ต้องรอให้ใครมากระจายอำนาจ แต่เราต้องเริ่มต้นลงมือทำเอง ที่ผ่านมาปัญหาการศึกษาซับซ้อนและหลากหลาย ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำ คุณภาพการสอน ผู้นำการศึกษาที่ไร้ความรับผิดชอบ หรือแม้แต่หลักการเรียนการสอน อย่างหลักสูตรสมรรถนะที่หายไป เพราะไร้คนรับผิดชอบ และตั้งคำถามกับคนทำงานระดับกระทรวง หน่วยงานรัฐ เช่น ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าเป็นผู้ที่ตั้งใจจะมาทำงานด้านการศึกษาจริง ๆ หรือไม่
ที่ผ่านมาระบบการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพเพราะบุคลากรทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำตามแรงปรารถนา โดยสรุป 3 สิ่งสำคัญที่วิริยะ ต้องการจะเห็นจากการศึกษา คือ
- อยากเห็นห้องเรียน ที่เด็ก ๆ มีความสุข ความหวัง และมีความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง
- อยากเห็นห้องเรียนที่เด็กมีความสุข ความหวัง และมีความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง
- อยากเห็นโรงเรียนไม่มีรั้ว อยากเห็นการศึกษาเข้าสู่ผู้เรียน ไม่ใช่การให้ผู้เรียนเข้าห้องเรียน ระบบโรงเรียนเพียงอย่างเดียว
“เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เพราะอำนาจเปลี่ยนการศึกษาเป็นของเรา ไม่ใช่อำนาจรัฐ…
เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำให้การศึกษามีคุณภาพ เพราะรัฐทำตามหน้าที่ ไม่ได้ทำตามแรงปรารถนาสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุด คือ เด็กมีความสุข ความหวัง และนำความรู้จากห้องเรียนที่นำไปใช้ได้จริง อยากเห็นโรงเรียนที่ไม่มีรั้ว อยากเห็นการศึกษาเข้าสู่ผู้เรียน ไม่ใช่ให้ผู้เรียนเข้าสู่ห้องเรียน หรือ ระบบโรงเรียน”
เปลี่ยนแนวคิดการศึกษาต่างขั้ว เป็นพลัง สร้างการเปลี่ยนแปลง
![](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/08/Active_Quo_Education-วิจารณ์1-1024x1024.jpg)
ศ. นพ.วิจารณ์ พานิช ประธานที่ปรึกษา คณะทำงานบูรณาการประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านการเรียนรู้ ระบุ สังคมไทยจำเป็นต้องหนุนแนวคิด “All for education” ให้ทุกฝ่าย ทุกส่วนช่วยกันสร้างให้เกิดการเรียนรู้ โดย ศ. นพ.วิจารณ์ ย้ำว่าที่ผ่านมาสังคมไทยทำอยู่แล้ว และมีโมเดลความสำเร็จที่หลากหลายที่รอการต่อยอดและหนุนเสริม โดยแต่ละการเรียนรู้จำเป็นเกิด VASK หมายถึง Value คุณค่า ค่านิยมในชีวิต หากให้ค่าผิดก็อาจจะนำชีวิตไปสู่เส้นทางเสื่อมได้, Attitude ทัศนคติ, Skill ทักษะ และ Knowledge ความรู้ที่ต้องวัดผลกระทบจากสิ่งที่เด็ก ๆ ได้รับ
ศ. นพ.วิจารณ์ ยังย้ำถึงภาพอนาคตทางการศึกษาที่อยากเห็นประกอบด้วย
- การศึกษาไทยจะต้องก่อเกิดผลลัพธ์ที่มีคุณภาพต่อเด็ก
- เปลี่ยนแบบอย่างการศึกษาจากการถ่ายทอด ความรู้สำเร็จรูป มาเป็นการเรียนผ่านประสบการณ์ตรง ใคร่ครวญ สะท้อนความคิด ตกผลึกเป็นหลักการและทดลองใช้ในสถาการณ์จริง เกิดเป็นการเรียนรู้ โดยแบ่งสัดส่วนการเรียนรู้ ทั้ง 2 ส่วน โดยเน้นการเรียนรู้ประสบการณ์มากกว่า
- โรงเรียน และครู สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีวงจรการเรียนรู้ในโรงเรียนระหว่างเครือข่ายครู และโรงเรียนกันได้
ศ. นพ.วิจารณ์ ย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกัน ระหว่างขั้วความคิดทางการศึกษาซึ่งไม่ต้องการให้มองฝ่ายสร้างนวัตกรรม และฝ่ายการวางระบบเป็นศัตรู แม้จะตั้งตัวกันอยู่คนละทิศ ทำงานคนละแบบ แต่นี่จะกลายเป็นเครื่องมือที่ย้อนแย้งแต่เสริมพลังกันได้ เป็นพลังของการเรียรู้ร่วมกัน เพราะไม่เฉพาะการเรียนรู้ของเด็กเยาวชน แต่พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้ “Experiential learning : การเรียนรู้จากประสบการณ์เดิมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ เป็นคุณสมบัติของการเรียนรู้ทุกระดับ การเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบก็ใช้วิธีการเดียวกัน” ศ. นพ.วิจารณ์ กล่าวทิ้งท้าย
“ต้องไม่มองฝ่ายสร้างนวัตกรรม ฝ่ายวางระบบเป็นศัตรูกัน แม้จะตั้งตัวกันคนละทิศ ทำงานกันคนละแบบ แต่ควรเป็นเครื่องมือที่เสริมพลังกันได้ เป็นพลังแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา”
![การศึกษา](https://theactive.net/wp-content/uploads/2022/08/Screenshot_20220821-021505_Facebook-1024x576.jpg)