เพิกถอนเอกสารสิทธิ ! แก้ปัญหาให้สุดทาง รื้อปมพิพาทที่ดินหลีเป๊ะกว่า 30 ปี

ถือว่ามีความคืบหน้าอย่างมาก กับการลงพื้นที่แก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินเกาะหลีเป๊ะ ของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เพราะเพียงการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 ( เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ) ก็สามารถตรวจสอบจนได้คำตอบตามโจทย์ที่ตั้งไว้ จะทำความจริงให้ปรากฎ  ว่า “ใครบุกรุกใคร”  

โดยเฉพาะพื้นที่ข้อพิพาท ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง และเป็นที่มาของการตรวจสอบข้อพิพาทที่ดินทั้งเกาะในรอบนี้  กับกรณีเอกชนสร้างแนวรั้วปิดกั้นทางเข้าออกโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ 

ซึ่งหลังสั่งการให้ธนารักษ์พื้นที่ ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งผู้อ้างสิทธิในที่ดิน ตรวจสอบวัดแนวเขตชี้พิกัดพื้นที่  ได้ข้อสรุป พบมีการบุกรุกพื้นที่ของราชพัสดุในส่วนของโรงเรียนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะหลีเป๊ะ 5 จุด 

หลีเป๊ะ

โดยจุดหมายเลข 1 และ 5  พบผู้บุกรุก เป็นรีสอร์ท,  จุดที่ 4 เป็นร้านค้า, ส่วนจุดที่ 3  ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวเลยืนยัน เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ผู้คนบนเกาะใช้ร่วมกันมาแต่ดั้งเดิม ตรงนี้เอกชนได้สร้างประตูรั้วล้ำเข้ามาในพื้นที่โรงเรียน และปิดทางลงชายหาดซันไรซ์   ส่วนจุดหมายเลข 2  เชื่อมต่อแนวรั้วที่ปิดกั้นทางเข้า-ออกโรงเรียน พบการรุกล้ำของร้านก๋วยจั๊บ และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ 

ล่าสุดทางธนารักษ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้บุกรุกทั้ง 5 จุดแล้ว ขณะที่บิ๊กโจ๊กสั่งนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ท้องถิ่นดำเนินการให้ผู้บุกรุกรื้อถอนแนวรั้ว ทั้งจุดที่ 2 และจุดที่ 3  ซึ่งเบื้องต้นหลังสั่งการ ชาวเลเปิดเผยว่าท้องถิ่นได้หารือกับเอกชน  โดยเอกชนยอมรื้อแนวรั้วออกจากจุดที่รุกล้ำโรงเรียน แต่จะขยับสร้างแนวรั้ววางอาณาเขตในที่ดินของตัวเอง   

นั่นทำให้นักเรียน ก็จะยังไม่สามารถเดินเข้า-ออกโรงเรียน ในเส้นทางที่ยืนยันใช้มาแต่ดั้งเดิมได้ รวมถึงทางเดินลงชายหาดที่ผู้คนบนเกาะใช้ร่วมกัน ทั้งขนสินค้าข้าวของจำเป็นต่างๆ  ขยะ  ที่สำคัญเป็นทางเดียว ที่นำเครื่องมือประมง เช่น  ลอบ หรือ ไซ ไปยังหน้าหาดเพื่อประกอบอาชีพ ก็จะไม่สามารถทำได้ 

สิ่งนี้ตอกย้ำว่า แม้จะมีความพยายามเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหา   แต่ก็ยังไปได้ไม่สุดทาง หรือแก้ไขปัญหาไม่จบ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวเล ยังเรียกร้องว่า ต้องไปให้ถึงการตรวจสอบที่มาที่ไปของเอกสารสิทธิ ที่พบข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ว่าออกโดยมิชอบ เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิแปลงปัญหา น.ส.3 เลขที่ 11 

ภาคประชาชน เชื่อ เอกสารสิทธิออกโดยมิชอบ ไม่ใช่การกล่าวอ้างลอย ๆ แต่มีความชัดเจนในข้อมูลหลายส่วน 

พิชญา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท มองว่า คณะกรรมการฯ ชุดบิ๊กโจ๊ก ต้องเร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3 เลขที่ 11 ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับข้อกังวลและปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนเกาะหลีเป๊ะ  ซึ่งมั่นใจว่าตอนนี้ มีข้อมูลชัดจากหลายส่วน ตั้งแต่การตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ในยุคนายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2533, ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัด ของกรมสอบสวนคดีพเศษ หรือดีเอสไอ  และข้อมูลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในยุคแรก ๆ รวมถึงคณะกรรมการแก้ปัญหาฯ ชุด พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ก็สรุปไว้ชัดเจนในทิศทางเดียวกัน ว่าที่มาที่ไปของการออกเอกสารสิทธิแปลงดังกล่าวออกโดยมิชอบ  รวมไปถึงกรณีล่าสุด ที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง ชาวเลที่ตกเป็นจำเลย 15 คน ในชุมชนปาดั๊ก หลังโดนเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่ง จำนวน 3 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา ในที่ดินแปลงที่เกิดข้อพิพาท น.ส.3 เลขที่ 11  โดยสรุปข้อมูลคำตัดสินในการยกฟ้อง เพราะโจทย์ไม่มีสิทธิในการฟ้อง เนื่องจากเอกสารสิทธิออกโดยมิชอบ และจำเลยได้รับสิทธิที่ดินมรดกสืบทอดจากบรรพบุรุษ น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับคณะกรรมการฯที่จะตัดสินใจในการเพิกถอนเอกสารแปลง น.ส.3 เลขที่ 11 ได้

“ต้องเร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิหมายเลข 11 ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพี่ก็มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ มีความเข้าใจตรงกันทุกฝ่ายแล้ว แต่ท่านบิ๊กโจ๊กบอกว่า จะให้คณะกรรมการชุดรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ​ประวุธ วงศ์สีนิล  ให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ พี่ก็เลยบอกว่า อยากเร่งให้เร็วที่สุด เพราะว่าเราไม่ได้พูดลอย ๆ มีเอกสารพร้อม มีข้อเท็จจริงพร้อม ศึกษาหลายปีมาแล้ว ซึ่งก็คิดว่า สามารถที่จะทำให้ท่านประธานบิ๊กโจ๊ก สั่งเพิกถอนได้ และเรื่องเส้นทางเส้นนี้ก็จะจบ แล้วมันยังรวมถึงลำลางสาธารณะ ทางน้ำที่หายไปด้วย “

พิชญา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท

กรณีเรื่องปัญหาพื้นที่ลำลางสาธารณะ  ทางไหลของน้ำออกไปสู่ทะเล ซึ่งเคยมีอยู่ในพื้นที่ แต่ปัจจุบันแทบไม่หลงเหลือสภาพเดิมให้เห็น เพราะถูกถมด้วยสิ่งปลูกสร้าง และออกเอกสารสิทธิปิดทับไปเกือบหมด จนกลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อน ไม่มีทางไหลของน้ำ ทำให้น้ำท่วมพื้นที่กันทุกปี และเป็นข้อสังเกตสำคัญว่า การออกเอกสารสิทธิติดกันเป็นพืด โดยไม่กันพื้นที่ลำรางสาธารณะออก ก็น่าจะถือเป็นความผิดปกติด้วย 

ประเด็นนี้ ดูเหมือนคณะกรรมการชุด “บิ๊กโจ๊ก” จะเข้าใจปัญหา เลยให้ทางปลัดส่วนหน้าเกาะหลีเป๊ะ นำชาวบ้านตรวจสอบชี้แนวเขต ทำประชาคมยืนยันพื้นที่กันให้ชัดเจน ซึ่งวันนั้นมีตัวแทนกรรมการสิทธิมนุษยแห่งชาติร่วมตรวจสอบด้วย

แผนที่ลำลางทางน้ำไหล ที่ชาวเลชี้พิกัด

โดยชาวเล ต่างยืนยัน ว่าเส้นทางลำลางสาธารณะ ซึ่งเป็นทางไหลของน้ำออกทะเลมี 2 ด้าน  1. คือ ตรงรีสอร์ทแห่งหนึ่ง และ บริเวณสุสานโต๊ะคีรี ทางตอนเหนือของหาดซันไรซ์ ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่า เมื่อก่อนมีลำรางที่เป็นทางไหลของน้ำออกสู่ทะเล  และเมื่อก่อนทางน้ำ จะพาดยาวไหลผ่านชุมชนตุโป๊ะ เชื่อมต่อมาบึงน้ำ ที่ชุมชนสิเข่งและไหลออกมาอีกด้าน ตรงบริเวณชุมชนอู่เสน หรือทางทิศใต้ของหาดซันไรซ์ และการชี้แนวเขตลำลางครั้งนี้ยังเทียบกับแผนที่ทหารด้วย 

กรรมการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเพิกถอนเอกสารสิทธิแปลงนี้ ทางสาธารณะก็จะกลับมาแล้เขตลำลางก็จะกลับมา ที่ดินของชาวเลก็ชัดเจนว่า ไม่เป็นที่ของเอกชน ก็กลับมาเป็นของอุทยาน การคุยกันเรื่องการจัดที่อยู่อาศัยระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐจะทำได้ง่ายกว่า  ซึ่งยืนยันเจตนาของชาวเลเขาไม่ได้ต้องการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ต้องการใช้ประโยชน์ร่วมกัน การพัฒนาตรงนี้จะง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ารากของปัญหาคือเอกสารสิทธิมิชอบ ทำให้มันถูกต้อง เรื่องมันก็จะคลี่คลายลง แก้ปัญหาได้ตรงจุด และคาดหวังว่าจะจบในรัฐบาลนี้ 

“จริง ๆ แล้วอยากให้ทันในรัฐบาลชุดนี้ อันนี้ไม่ได้พูดด้วยความอยากได้ หรืออะไร แต่พูดเพราะว่ามีข้อมูลที่มากพอแล้ว ที่จะสามารถทำทันในรัฐบาลนี้ เหมือนที่บิ๊กโจ๊กบอก ส่วนที่มีคำพิพากษาแล้ว ก็ทำทีภายใน 1 อาทิตย์  อันนี้ก็มีข้อมูลมากพอแล้ว รอแต่คำสั่ง ซึ่งพี่ว่าคำสั่งนี่แหละ ที่ท่านตั้งคณะกรรมการเพิ่มขึ้น ชุดนี้มีข้อมูล มีความเข้าใจอยู่แล้ว คือไม่ต้องทำเริ่มใหม่ แค่มาตรวจสอบให้ชัดเจนมากขึ้น และก็สั่งเลย ซึ่งพี่เชื่อมั่นในความพร้อมของข้อมูล และบุคคลที่บิ๊กโจ๊กได้ตั้งไว้ ว่าเขามีความพร้อม มีข้อมูล มีความเข้าใจ พร้อมที่จะทำงานทันที อยากให้ทันรัฐบาลชุดนี้ “

พิชญา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท
พิชญา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท

แก้ปัญหาเรื่องนี้ ต้องไปให้สุดทาง เดินหน้าเพิกถอนเอกสารสิทธิ

ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ซึ่งลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกาะหลีเป๊ะร่วมกับบิ๊กโจ๊กอย่างต่อเนื่องกล่าวว่า เป้าหมายในเรื่องนี้ หากจะแก้ให้มันสุดทางก็ต้องไปสู่การเพิกถอนเอกสารสิทธิเหล่านั้น 

ซึ่งการเดินหน้าแก้ปัญหาครั้งนี้ต้องขอบคุณทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ได้ใช้แผนที่ปี 2493 ซึ่งเก่าที่สุดที่ประเทศไทยหาได้ เบื้องต้นภาพถ่ายทางอากาศ ชี้ให้เห็นแล้วว่า  พื้นที่ใช้ประโยชน์จริง ๆ หรือก่อนหน้านั้น มีแค่ 50 ไร่ แต่ส่วนอื่นที่เกินมาช่วงหลัง  เป็น 80 ไร่ หรือขยายเป็น 150  ไร่ ก็ชัดเจนว่าพื้นที่ที่เกินมานั้นมันมากกว่าพื้นที่ที่เราเห็นได้จากภาพถ่ายทางอากาศ  เพราะฉะนั้นก็จะเป็นเหตุผลในการให้กรมที่ดิน ซึ่งพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้มอบหมายให้มีการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทุกอย่างตรงนี้ โดยให้มีการประสานงานกับ ณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเป็นทีมทำงานย่อย ประสานกับกรมที่ดิน ในการที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการเพิกถอน ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 ต่อไป ซึ่งจะเห็นความคืบหน้าอยากให้มั่นใจ 

ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินฯ เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 

หากไม่ทันยุครัฐบาลนี้  รัฐบาลอื่นเข้ามาก็เดินหน้าต่อได้  

ส่วนที่หลายคนกังวลต่อห้วงอายุรัฐบาลชุดนี้ จะมีผลต่อการแก้ไขปัญหาได้ทันและจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ ​ธนพร ยืนยันว่า รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหานี้ ดูได้จากการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาชุดนี้ ต่างจากเดิมที่กรรมการที่รัฐบาลตั้ง ก็มักจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ เช่นรองนายก หรือรัฐมนตรี  แต่ท่านนายกฯ คงจะเห็นแล้วว่าช่วงนี้เป็นช่วงปลายอายุรัฐบาล และคงมีเจตนาอยากให้งานเรื่องนี้สืบต่อเนื่อง  และจริง ๆ งานเรื่องนี้เป็นงานของการปฏิบัติของส่วนราชการประจำ รอบนี้องค์ประกอบก็เป็นระบบราชการประจำ เป็นผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องระดับสูง

“ที่เน้นตรงนี้ให้มีความต่อเนื่อง  เพราะเมื่อคุณเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนไป  แต่ตราบใดที่คุณยังดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการ คุณมีภารกิจหน้าที่ตามกฎหมาย คุณก็ต้องทำไป ที่สำคัญนายกฯ ยังสั่งการชัดเจน ว่ากรรมการชุดนี้ให้ใช้กฎหมายของตนเองได้ทันที ซึ่งปกติศึกษาเสร็จแล้ว ต้องรวบรวมเสนอท่านนายกฯ เพื่อสั่งการ แต่ชุดนี้ท่านนายกฯบอกว่า ถ้าเจอความผิด ต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับชาวบ้านก็ให้ดำเนินการได้เลย ในอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการ เพราะฉะนั้นการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้มีความแตกต่าง“ 

ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินฯ เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 

ธนพร ยังมองว่า ความแตกต่างตรงนี้ ทำให้ได้รับความร่วมมือจากทางเจ้าหน้าที่มีอยู่ในพื้นที่ ส่วนที่มีการละเลย และเริ่มลงดาบให้เห็นไปแล้วก็คือในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  ได้มีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา  ซึ่งมีคนที่ตั้งมาใหม่ ก็มาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ 

“ประเด็นของทางเจ้าหน้าที่ สิ่งที่อำเภอ อบต.ที่ต้องทำ ประธานคณะกรรมการฯ สั่งการไปเมื่อวันจันทร์ ก็ต้องเร่งรายงานขึ้นมา แต่เท่าที่ตนทราบเบื้องต้นก็ได้รับการประสานว่าขณะนี้ทางอบต.กำลังดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเร่งรัด  ก็จะมีการไปตรวจสอบว่ารีสอร์ทต่าง ๆ บนเกาะหลีเป๊ะ ได้มีใบอนุญาตในการก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ถ้าไม่ถูกต้อง อบต.ก็บังคับใช้กฎมาย “ 

ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินฯ เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 

ส่วนประเด็นที่มองว่าต้องให้ความเป็นธรรม เพราะเอกชนบางรายก็อาจไม่รู้ตรงไหนทำได้ไม่ได้ เรื่องนี้อาจารย์ธนพรบอกว่า ชุดที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ก็คือชุดอนุกรรมการฯ ที่ ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ซึ่งจับเรื่องนี้มาแต่ต้น ทราบรายละเอียดหมด ชุดนี้จะเป็นฝ่ายกรองให้ ว่าใครคนไหนอาจจะไม่รู้ไม่ทราบ หรือใครคนไหนทราบแล้วสมรู้ร่วมคิด  มีข้อมูลแยกไว้แล้ว  ส่วนถ้าไม่ทราบ ก็ต้องไปดูก่อนมีความเสียหายตรงไหน กระบวนการตามกฎหมายของรัฐก็เยียวยาอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องการเยียวยาตรงนี้ไม่ค่อยน่าห่วง เพราะมีกฎหมายของรัฐ ที่จะเยียวยาเรื่องนี้อยู่  แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือว่า พวกเรามีความเชื่อมั่นว่าเรื่องแบบนี้ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น คือเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า มันเกิดจากความไม่รู้  

“มันอาจเกิดจากความไม่รู้ของชาวบ้าน แต่มันเกิดจากคนอื่นซึ่งหากินบนความไม่รู้ของชาวบ้าน  แล้วคนอื่นที่ว่านั้นหน้าตาเป็นยังไง ขบวนการเป็นยังไง และต้องได้รับการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด 40-50 ปีที่ผ่านมา“

ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินฯ เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 

ธนพร ยังย้ำให้ชาวบ้านมั่นใจในกลไกของรัฐ เพราะวันนี้ที่นายกฯได้มอบหมาย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ซึ่งลงพื้นที่ไป 2 ครั้ง จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนได้ประสานในการปฏิบัติงานตรวจสอบหลายเรื่องที่อยู่บนเกาะหลีเป๊ะ  เพื่อที่จะทำความจริงเหล่านั้นให้ปรากฎขึ้นมา และทาง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ก็จะเป็นคนตัดสินใจสุดท้ายว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร 

นี่จึงเป็นเรื่องที่สังคมยังคงต้องจับตาความคืบหน้าการแก้ปัญหาอย่างเนื่อง ว่าจะสามารถเดินหน้าได้สุดทาง ไปจนถึงการเพิกถอนเอกสารสิทธิ รื้อปมปัญหาพิพาทที่ดินที่ยาวนานกว่า 30 ปี ภายใต้ผลงานของรัฐบาลชุดนี้ได้หรือไม่

Author

Alternative Text
AUTHOR

ทัศนีย์ ประกอบบุญ

นักข่าวสายลุย เกาะติดประเด็นแล้วไม่มีปล่อย รักการเดินทาง หลงรักศิลปะบนรองเท้า และชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ

Alternative Text
GRAPHIC DESIGNER

กษิพัฒน์ ลัดดามณีโรจน์

ผู้รู้ | ผู้ตื่น | ผู้แก้งาน ...กราบบบส์